เมนู

อรรถกถาวิมลเถรคาถา


คาถาของท่านพระวิมลเถระ เริ่มต้นว่า ธรณี จ สิญฺจติ วา.
เรื่องราวของท่านเป็นอย่างไร ?
แม้ท่านก็ได้เป็นผู้มีอธิการอันได้กระทำไว้แล้ว ในพระพุทธเจ้าองค์
ก่อน ๆ สั่งสมกุศลอันเป็นอุปนิสัยแห่งพระนิพพาน ไว้ในภพนั้น ๆ เกิดใน
ตระกูลของคนเป่าสังข์ ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า
วิปัสสี ถึงความเป็นผู้รู้แล้ว สำเร็จการศึกษาในศิลปะนั้น วันหนึ่งพบพระผู้
มีพระภาคเจ้า ทรงพระนามว่า วิปัสสี มีใจเลื่อมใสแล้ว ทำการบูชาด้วยการ
เป่าสังข์ถวาย จำเดิมแต่นั้น ได้ทำการบำรุงพระศาสดา ตลอดกาลเวลา.
ด้วยบุญกรรมนั้น เขาเกิดในเทวโลก การทำบุญไว้มาก ท่องเที่ยวไปๆ
มา ๆ อยู่ในเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ตั้งอธิฐานไว้ในศาสนาของพระผู้มีพระ
ภาคเจ้า พระนามว่า กัสสปะ ว่า ในอนาคตกาล ขอข้าพเจ้าจงเป็นผู้มีร่างกาย
บริสุทธิ์ ปราศจากมลทิน ดังนี้ แล้วรดต้นโพธิ์ด้วยน้ำหอม ซักฟอกอาสนะ
ที่เป็นเจดีย์ และเนินโพธิ ซักสมณบริขารที่เศร้าหมอง แม้ของภิกษุทั้งหลาย.
ก็ครั้น จุติจากมนุษยโลกแล้ว ก็ท่องเที่ยวไป ๆ มา ๆ อยู่ในเทวดา
และมนุษย์ทั้งหลาย บังเกิดในตระกูลที่มั่งคั่ง ณ พระนครราชคฤห์ ในพุทธุ-
ปบาทกาลนี้ ก็เมื่อท่านอยู่ในท้องมารดาก็ดี ออกจากท้องมารดาก็ดี ร่างกาย
ของท่านไม่เศร้าหมองด้วยดี และเสมหะเป็นต้น ไม่แปดเปื้อน ดุจหยาดน้ำ
ฝักบัว ได้เป็นผู้บริสุทธิ์ผุดผ่อง ดังพระโพธิสัตว์ผู้ประสูติในภพสุดท้าย ด้วย
เหตุนั้น คนทั้งหลายจึงขนานนามท่านว่า วิมละ.

วิมลมาณพ เจริญวัยแล้ว เห็นพุทธานุภาพ ในคราวที่พระผู้มีพระ
ภาคเจ้าเสด็จเข้าไปสู่กรุงราชคฤห์ ได้เฉพาะซึ่งศรัทธา บรรพชาแล้ว เรียน
กรรมฐาน อยู่ในถ้ำแห่งภูเขา แคว้นโกศล. อยู่มาวันหนึ่ง มหาเมฆที่
เกิดในทวีปทั้ง 4 ได้ยังฝนให้ตก แผ่คลุม ทั่วท้องจักรวาล. ได้ยินว่า
ฝนย่อมตกอย่างนี้ ในเวลาที่พระพุทธเจ้า และพระเจ้าจักรพรรดิ ยังทรง
ดำรงอยู่ ในวิวัฏฏัฏฐายีกัป. จิตของพระเถระได้ตั้งมั่น มีอารมณ์เป็นหนึ่ง
เพราะฝนช่วยสงบ ระงับ ดับความร้อนในฤดูร้อน และเพราะได้ฤดูเป็น
ที่สบาย. ท่านจึงมีจิตตั้งมั่น ขวนขวายวิปัสสนาในขณะนั้นเองแล้วบรรลุ
พระอรหัต ตามลำดับมรรค. สมดังคาถาประพันธ์ที่ท่านกล่าวไว้ในอปทานว่า
เราเป็นผู้เป่าสังข์บูชาพระผู้มีพระภาคเจ้าพระ-
นามว่าวิปัสสี เป็นผู้ประกอบการบำรุงพระสุคตเจ้า
ผู้แสวงหาคุณอันยิ่งใหญ่เป็นนิตย์ เราเห็นผลแห่งการ
บำรุงพระโลกนาถผู้คงที่ ดนตรีหกหมื่น ห้อมล้อมเรา
ทุกเมื่อ ในกัปที่ 91 แต่กัปนี้ เราบำรุงพระผู้มีพระ-
ภาคเจ้าผู้แสวงหาคุณใหญ่ ด้วยกรรมนั้น เราไม่รู้จัก
ทุคติเลย นี้เป็นผลแห่งการบำรุง ในกัปที่ 24 แต่
ภัทรกัปนี้ ได้เป็นพระเจ้าจักรพรรดิ 16 พระองค์
นามว่า " มหานิโฆษะ" มีพลมาก. เราเผากิเลส
ทั้งหลายแล้ว ฯ ล ฯ คำสอนของพระพุทธเจ้า เราทำ
สำเร็จแล้ว ดังนี้.

ก็พระเถระครั้นบรรลุพระอรหัตแล้ว เป็นผู้มีใจยินดีแล้ว เพราะ
ทำกิจสำเร็จแล้ว เมื่อจะเปล่งอุทาน ได้กล่าวคาถาว่า
แผ่นดินชุ่มชื่นด้วยน้ำฝน ลมก็พัด สายฟ้าก็แลบ
อยู่ทั่วไปในท้องฟ้า วิตกทั้งหลายย่อมสงบไป จิตของ
เราตั้งมั่นแล้ว เป็นอันดี ดังนี้.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ธรณี แปลว่า แผ่นดิน. ก็แผ่นดินนั้น
ท่านเรียกว่า " ธรณี " เพราะทรงไว้ซึ่งสิ่งที่มีชีวิตและไม่มีชีวิตทั้งสิ้น.
บทว่า สิญฺจติ ความว่า เมื่อมหาเมฆยังฝนให้ตกเต็มทั่วท้องฟ้า
โดยรอบ ผืนดินก็ชุ่มชื่นด้วยน้ำฝน.
บทว่า วาติ มาตุโล ความว่า ลมที่เยือกเย็นเพราะสัมผัสกับ
บรรยากาศที่ฝนโปรยลงมา ก็พัด.
บทว่า วิชฺชุลตา จรติ นเภ ความว่า ลมที่เยือกเย็นเพราะสัมผัสกับ
บรรยากาศที่ฝนโปรยลงมา ก็พัด.
บทว่า วิชฺชุลตา จรติ นเภ ความว่า สายฟ้าที่แลบออกจาก
กลุ่มเมฆหนา ร้องคำรามกระหึ่ม ครวญครางในที่นั้น ๆ ก็แลบไปในอากาศ
ด้านโน้น และด้านนี้รอบทิศ.
บทว่า อุปสมนฺติ วิตกฺกา ความว่า มหาวิตก 9 แม้ทั้งหมดมี
กามวิตกเป็นต้น ชื่อว่าเป็นอันสงบแล้ว ด้วยสามารถแห่งองค์มรรคนั้น ใน
ชั้นต้น โดยการที่พระเถระได้บรรลุสมถะและวิปัสสนา อันสำเร็จแล้วเพราะมี
ฤดูเป็นที่สบาย ชื่อว่าย่อมเข้าไปสงบ เพราะการได้บรรลุอริยมรรค. คือ ย่อม
ขาดสูญไปโดยไม่มีส่วนเหลือ พระเถระกล่าวถึงขณะแห่งอริยมรรค ทำให้เป็น
ปัจจุบัน เพราะใกล้ปัจจุบัน. อีกอย่างหนึ่ง บทนี้ เป็นคำกล่าวถึงปัจจุบัน ใน
ข้อความที่ผ่านมาแล้ว.

บทว่า จิตฺตํ สุสมาหิตํ มมํ ความว่า พระเถระพยากรณ์พระ-
อรหัตผลว่า ต่อจากนั้นมา จิตของเราก็ตั้งมั่นด้วยดี ด้วยโลกุตรสมาธิ บัดนี้
ไม่มีกิจอะไรที่จะต้องกระทำในการตั้งจิตนั้น ดังนี้.
จบอรรถกถาวิมลเถรคาถา
จบวรรควรรณนาที่ 5
ในอรรถกถาเถรคาถา ชื่อว่า ปรมัตถทีปนี

ในวรรคนี้ รวมพระเถระได้ 10 รูป คือ
1. พระสิริวัฑฒเถระ 2. พระขทิรวนียเรวตเถระ 3. พระสุมังคล
เถระ 4. พระสานุเถระ 5. พระรมณียวิหารีเถระ 6. พระสมิทธิเถระ
7. พระอุชชยเถระ 8. พระสัญชยเถระ 9. พระรามเณยยกเถระ 10.
พระวิมลเถระ และอรรถกถา.

เถรคาถา เอกนิบาต วรรคที่ 6


1. โคธิกเถรคาถา
ว่าด้วยคาถาของพระโคธิกเถระ


[188] ได้ยินว่า พระโคธิกเถระได้ภาษิตคาถานี้ไว้ อย่างนี้ว่า
ฝนตกลงมา มีเสียงไพเราะ ดังเสียงเพลงขับ
กุฎีของเรามุงดีแล้ว มีประตูหน้าต่างมิดชิดดี จิตของ
เราก็ตั้งมั่นดีแล้ว ถ้าท่านปรารถนาจะตก ก็เชิญตก
ลงมาเถิดฝน.

วรรควรรณนาที่ 6


อรรถกถาโคธิกาทิจตุเถรคาถา


คาถาของพระเถระทั้ง 4 เหล่านี้ คือ พระโคธิกะ พระสุพาหุ พระ-
วัลลิยะ พระอุตติยะ ทั้ง 4 คาถาเริ่มต้นว่า วสฺสติ เทโว. เรื่องราวของ
ท่านเหล่านั้นเป็นอย่างไร ?
แม้พระเถระเหล่านี้ ก็ได้มีอธิการอันกระทำไว้แล้ว ในพระพุทธเจ้า
องค์ก่อน ๆ สั่งสมบุญไว้มากในภพนั้น ๆ ในกาลของพระผู้มีพระภาคเจ้า
ทรงพระนามว่า สิทธัตถะ ในกัปที่ 94 นับแต่ภัทรกัปนี้ ได้เกิดในเรือนมี